การแข่งขันระดับตำนาน ผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งเหนือใครและสมรรถนะด้านเครื่องยนต์และเทคนิคระดับเหนือชั้นเท่านั้นที่จะพิชิตชัยในศึกนี้ได้ Daytona International Speedway ซึ่งมีระยะทาง 5.73 กิโลเมตร (3.56 ไมล์) แห่งนี้คือสนามประลองความทรหดของนักแข่งและทีมงานในการแข่งขันที่ยาวนานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง โดยการจัดอันดับจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่รถแข่งสามารถทำได้เมื่อสิ้นสุดเวลาที่กำหนด
การแข่งขันยามค่ำคืน ณ สแตนด์สตาร์ทที่ Rolex 24 At Daytona ในปี 2025 Rolex ให้การสนับสนุนการแข่งขันนี้ซึ่งเคยใช้ชื่อว่า Daytona 3-Hour Continental มาตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1962 ในฐานะผู้สนั บสนุนที่มีชื่อแบรนด์ในรายการแข่งขัน Rolex ได้มอบนาฬิกา Rolex Cosmograph Daytona เป็นรางวัลให้กับผู้ชนะทุกคนของรายการนี้มาตั้งแต่ปี 1992
นับตั้งแต่ปี 2025 Rolex ได้ดำรงฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของ International Motor Sports Association (IMSA) และซีรีส์การแข่งรถ WeatherTech SportsCar Championship ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน Rolex 24 At DAYTONA ด้วย
Scott Pruett
การพิชิตชัยชนะครั้งที่ 5 ในการแข่งขัน Rolex 24 At DAYTONA ในปี 2013 ทำให้นักแข่งชาวแคลิฟอร์เนียผู้นี้มีสถิติเทียบเท่ากับที่ Hurley Haywood เคยครองมานานกว่า 20 ปี ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ Scott Pruett ได้สร้างหนึ่งในสถิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของศึกประชันความทรหดและวงการกีฬาแข่งรถ นอกจากจะครองตำแหน่งแชมป์ Rolex 24 At DAYTONA ถึงห้าสมัย (ปี 1994, 2007, 2008, 2011 และ 2013) เขายังเป็นแชมป์รายการ 12 Hours of Sebring ในปี 2014 และแชมป์ประจำคลาส GTS ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ปี 2001 ด้วย และ Pruett ยังได้รับการจารึกชื่อไว้ใน Motorsports Hall of Fame ของอเมริกาในปี 2017 อีกด้วย
Hurley Haywood
ด้วยชัยชนะ 5 ครั้งในการแข่งขัน Rolex 24 At DAYTONA, 3 ครั้งในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans และ 2 ครั้งในการแข่งขัน 12 Hours of Sebring ทำให้ Hurley Haywood ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักแข่งเอ็นดูรานซ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล ในการแข่งขันที่เดย์โทนาในปี 1977 เขาได้ขับรถต่อเนื่องเป็นเวลากว่าแปดชั่วโมง โดยที่เพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนปฏิเสธที่จะขับรถในเวลากลางคืน และเขาก็คว้าชัยชนะในการแข่งขันนั้นได้ ไม่กี่เดือนต่อมา เขาได้คว้าชัยชนะในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans และกลายเป็นนักแข่งคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการคว้าชัยชนะสองรายการแห่งตำนานได้สำเร็จ และ Haywood ยังได้รับการจารึกชื่อไว้ใน Motorsports Hall of Fame ของอเมริกาในปี 2005 อีกด้วย 7 ปีต่อมา ตอนที่เขามีอายุ 64 ปี เขาได้ประกาศวางมือหลังจบการแข่งขัน Rolex 24 At DAYTONA ที่ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี โดยเป็นการเข้าร่วมแข่งขันครั้งที่ 40 ของเขาในรายการแห่งตำนานนี้