Sea‑Dweller

ที่สุดแห่งการกันน้ำ

Sea-Dweller

นาฬิการุ่น Sea‑Dweller พัฒนาขึ้นเพื่อการดำน้ำแบบอิ่มตัวขั้นสูงและภารกิจใต้น้ำที่ใช้เวลานาน นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำและความทนทาน หากแต่ยังสวมใส่สบายในทุกสถานการณ์

วาล์วฮีเลียม

วาล์วคายฮีเลียม
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแรงดันน้ำ

ขอบหน้าปัดแสดงเวลา
ปลอดภัยและใช้งานได้ง่ายบนข้อมือคุณ

เม็ดมะยม Triplock

เม็ดมะยม Triplock
เพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำ

Sea-Dweller เวอร์ชัน Rolesor

Oystersteel และ Rolesor
ทนทานและหรูหรา

Oystersteel

นาฬิการุ่น Sea‑Dweller มีในรุ่นที่รังสรรค์จาก Oystersteel ซึ่งเป็นอัลลอยพิเศษที่อยู่ในตระกูลเดียวกับสตีล 904L ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมยานอวกาศ และอุตสาหกรรมเคมี

ในปี 1985 Rolex ได้กลายเป็นแบรนด์แรกที่มีการผลิตนาฬิกาด้วยสตีล 904L แบบก้อน โดยใช้ในการผลิตตัวเรือน

Oystersteel นั้นมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนอย่างยิ่งยวด และยังมอบความสว่างเปล่งประกายอย่างมีเอกลักษณ์ให้กับ Sea‑Dweller ที่จะยังคงความสวยงามแม้นาฬิกาจะถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง

Rolesor

นาฬิกา Sea‑Dweller ยังมีรุ่นที่รังสรรค์จาก Yellow Rolesor อีกด้วย เป็นเวลาเกือบศตวรรษที่ Rolex ได้ผสานคุณสมบัติชั้นยอดของทองคำและสตีลเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นความงดงามประณีตที่ผสานมาพร้อมความทนทาน

Rolex จดทะเบียนชื่อของ Rolesor ในปี 1933 ถือเป็นวัสดุพิเศษเฉพาะนาฬิกาในคอลเลกชัน Oyster Perpetual แนวคิดนั้นแสนเรียบง่าย กล่าวคือขอบหน้าปัด เม็ดมะยมไขลาน และข้อสายนาฬิกาตรงกลางของสายโลหะทำจากทองคำหรือ Everose gold ในขณะที่ตัวเรือนตรงกลางและข้อต่อสายนาฬิกาด้านนอกของสายโลหะทำจาก Oystersteel สำหรับในรุ่น white Rolesor มีเพียงขอบหน้าปัดเท่านั้นที่ทำจากทองคำขาว การผสมผสานที่ลงตัวเป็นหนึ่งเดียวนี้ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์

Chromalight

หน้าปัดโครมาไลท์
พลังแห่งแสงสีฟ้า

องค์ความรู้ของ Rolex
สร้างสรรค์เพื่อนักดำน้ำ

The Cyclops lens

นับตั้งแต่การสร้างสรรค์ในปี 1967 นาฬิการุ่น Sea‑Dweller ก็ได้มาพร้อมหน้าต่างแสดงวันที่ ซึ่งนับว่าเป็นฟีเจอร์จำเป็นสำหรับนักดำน้ำ โดยเฉพาะในภารกิจใต้น้ำที่กินเวลาหลายสิบวัน

นาฬิการุ่น Sea‑Dweller ได้เริ่มติดตั้งเลนส์ Cyclops บนคริสตัลแซฟไฟร์ในปี 2017 เนื่องในโอกาสเปิดตัวครบรอบ 50 ปี ส่วนเลนส์ Cyclops นั้นถูกออกแบบขึ้นเพื่อปรับปรุงความสามารถในการแสดงผลวันที่ โดยมีคุณสมบัติเดียวกับแว่นขยาย เลนส์ Cyclops จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เพียบพร้อมทั้งความงามและคุณภาพทางเทคนิค Rolex จดสิทธิบัตรนวัตกรรมที่มีชื่อเหมือนยักษ์ตาเดียวในปกรณัมกรีกนี้ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 ก่อนจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1953

เลนส์ Cyclops นั้นทำจากแซฟไฟร์ที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริง พร้อมด้วยการเคลือบป้องกันการสะท้อนสองชั้น เหมือนกับคริสตัลของนาฬิการุ่นอื่นๆ

The Oysterlock clasp

สายนาฬิกา Oyster ของ Sea‑Dweller มาพร้อมกับชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock สิทธิบัตร นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบขยายสาย Rolex Glidelock ที่พัฒนาขึ้นโดย Rolex เพื่อให้สวมใส่ใต้ชุดดำน้ำได้อย่างสะดวกสบาย

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของชุดตัวล็อก Oysterlock นั้นผลิตมาเพื่อนาฬิกาสำหรับมืออาชีพของ Rolex เท่านั้น ระบบขยายสายนี้มาพร้อมกับกลไกตัวล็อคแบบบานพับและระบบตัวล็อคนิรภัยที่ป้องกันการเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังรับรองการรัดรอบข้อมืออย่างปลอดภัย และใช้งานสะดวกสบายแม้อยู่ใต้น้ำ

ชุดตัวล็อก Oysterlock มาพร้อมกับระบบขยายสาย Rolex Glidelock ซึ่งเป็นระบบขยายสายอันซับซ้อนที่ประกอบไปด้วยสปริงบังคับสะพานชุดจับเวลาที่ช่วยให้สามารถปรับความยาวสายได้เองโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ระบบขยายสาย Rolex Glidelock บนสายนาฬิกา Oyster มาพร้อมกับร่องขยายสาย 10 ร่อง โดยมีขนาดร่องละประมาณ 2 มม.

Calibre 3235

นับตั้งแต่ปี 2017 นาฬิการุ่น Sea‑Dweller ได้ติดตั้งมาพร้อมตัวเรือนขนาด 43 มม. และกลไกคาลิเบอร์ 3235 กลไกขึ้นลานอัตโนมัติที่พัฒนาและผลิตขึ้นเองโดย Rolex งานสถาปัตยกรรม การผลิต และนวัตกรรมของกลไกดังกล่าวทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง

คาลิเบอร์ 3235 ผ่านการจดสิทธิบัตรถึง 14 ฉบับ เพียงแค่ช่วงเวลาเปิดตัวในปี 2015 เพียงปีเดียว มันเป็นกลไกการทำงานที่มาพร้อมแฮร์สปริง Parachrom และชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy ซึ่งทั้งสองล้วนทนทานต่อสนามแม่เหล็กพลังสูง ทั้งยังมาพร้อมกับตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ที่ทำหน้าที่ปกป้องออสซิลเลเตอร์จากแรงกระแทก

นาฬิการุ่น Sea‑Dweller ผ่านการรับรอง Superlative Chronometer ที่รับประกันประสิทธิภาพยอดเยี่ยมทั้งในด้านความเที่ยงตรง (-2/+2 วินาทีต่อวัน) และการเดินโดยไม่ต้องไขลาน (ประมาณ 70 ชั่วโมง)