Cosmograph Daytona

ภารกิจกิจเพื่อประสิทธิภาพ

Cosmograph Daytona อันงดงาม

Cosmograph Daytona ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดในปี 2023

ที่น่าสนใจที่สุดคือกลไกการทำงานนี้ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านความเที่ยงตรง ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ และ Cosmograph Daytona ได้ผ่านการรับรอง Superlative Chronometer เพื่อสานต่อมาตรฐานในการผลิตโครโนกราฟระบบขึ้นลานอัตโนมัติ

Cosmograph Daytona

คาลิเบอร์ 4131
คือกลไกการทำงานโครโนกราฟที่สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมา

คาลิเบอร์ 4131 คือกลไกการทำงานโครโนกราฟแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีมาจากคาลิเบอร์ 4130 รุ่นก่อน โดยเพิ่มการปรับปรุงหลักๆ มากมาย กลไกการทำงานรุ่นนี้ผลิตและพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับ Rolex โดยมาพร้อมกลไกสิทธิบัตรสองชนิด ทั้งตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ที่จะปกป้องลูกเหวี่ยงจากแรงชนกระแทก และชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy ที่ทนทานต่อสนามแม่เหล็กแรงสูง ทั้งยังช่วยลดการสูญเสียพลังงานได้อีกด้วย กลไกการทำงานใหม่นี้ยังมาพร้อมสะพานจักรอันประณีตที่มาพร้อมการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève คาลิเบอร์ 4131 รุ่นใหม่จึงเป็นกลไกที่เปี่ยมไปด้วยวิวัฒนาการและเทคนิคอันก้าวหน้าแบบสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งช่วยสร้างมาตรฐานในแง่ของความเป็นเลิศ ทั้งในแง่ของความทนทาน ความน่าเชื่อถือ ความเที่ยงตรง และประสิทธิภาพ

คาลิเบอร์ 4131

ตัวเรือน Oyster ของ Cosmograph
วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่ปี 1965 ปุ่มกดด้านข้างแบบยึดด้วยสกรูค่อยๆ เข้ามาแทนที่การยึดด้วยสกรูของนาฬิการุ่นแรกเริ่ม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำของตัวเรือนได้เป็นอย่างดี ปุ่มกดด้านข้างแบบยึดด้วยสกรูนี้ยังสามารถใช้กับโครโนกราฟในฟังก์ชันจับเวลา หรือการรีเซ็ตเวลาให้เป็นศูนย์ โดยที่ยังคงความงามที่สอดประสานอย่างกลมกลืนของตัวเรือนรุ่นนี้เอาไว้ ขอบด้านข้างของตัวเรือน Oyster ที่ผ่านการเจียระไนอย่างสมบูรณ์แบบยังช่วยการขับเน้นเล่นแสงของตัวเรือนอีกด้วย พัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไปนี้คือบทพิสูจน์ในแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาความงามสง่าที่ไม่สิ้นสุด

เม็ดมะยมไขลาน Triplock

สเกลวัดความเร็ว
หนทางสู่ตำนาน

สเกลวัดความเร็วถือเป็นส่วนประกอบหลักของนาฬิการุ่น Cosmograph Daytona มันเป็นมาตรวัดความเร็วที่สามารถจับความเร็วได้สูงถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถอ่านได้ผ่านเข็มวินาทีตรงกลาง ความเร็วจะคำนวณโดยใช้เวลาที่ใช้ต่อระยะทางเพียง 1 กิโลเมตร หรือ 1 ไมล์ โดยสเกลวัดความเร็วได้รับการติดตั้งบนขอบตัวเรือนของนาฬิกา Cosmograph ทุกเรือนนับแต่การเปิดตัวในปี 1963 และขอบตัวเรือน Cerachrom ทุกชิ้นจะมาพร้อมกับการขึ้นขอบโดยใช้วัสดุแบบเดียวกันกับตัวเรือนเพื่อความงดงามที่กลมกลืนเสมอกัน

Tachymetric scale

สาย Oysterflex
ความสบายครบวงจร

Cosmograph Daytona ในเวอร์ชันทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom สายนาฬิกา Oyster และพิเศษด้วยสาย Oysterflex นวัตกรรมระดับสิทธิบัตรโดย Rolex นี้ผสมผสานคุณสมบัติของสายนาฬิกาโลหะในด้านความทนทานเข้ากับความสวมใส่สบายแบบสายอีลาสโตเมอร์ได้อย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมกับบานพับสายแบบโค้งมนและยืดหยุ่นสองชิ้น โดยติดตั้งด้านละหนึ่งชิ้น และหล่อทับด้วยอีลาสโตเมอร์สีดำประสิทธิภาพสูง สาย Oysterflex ยังมาพร้อมกับระบบหนุนรองตามแนวนอนด้านในเพื่อความสบายเหนือระดับ พร้อมชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock ที่ช่วยป้องกันการเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ยังสามารถปรับสายได้เองด้วยระบบขยายสาย Rolex Glidelock อันชาญฉลาด

Oysterflex bracelet
Cosmograph Daytona

โลหะและการประดับอัญมณี
ความหลากหลายอันไร้ขอบเขต

Cosmograph Daytona คือวิธีการแสดงตัวตนของคุณที่สมบูรณ์แบบ มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย ไม่เพียงแต่วัสดุตัวเรือน Oystersteel เท่านั้น แต่ยังมีตัวเลือกโลหะมีค่าสำหรับวัสดุตัวเรือนอีกมากมาย ทั้งทองคำ 18 กะรัต ทองคำขาว และ Everose gold อัลลอยมีค่าเหล่านี้ประกอบด้วยทองคำบริสุทธิ์ 750 ‰ (หนึ่งในพันส่วน) และสัดส่วนการผสมที่เป็นความลับของเงิน ทองแดง และพาลาเดียม ส่วนผสมสุดพิเศษนี้ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงในการค้นคว้าวิจัยอย่างยาวนาน และหล่อขึ้นพิเศษที่โรงหล่อของ Rolex นอกจากนี้ Cosmograph Daytona ยังมีในรุ่นที่วัสดุตัวเรือนรังสรรค์จากแพลทินัม 950 และรุ่นที่รังสรรค์จากทองคำขาว ทองคำ และ Everose gold 18 กะรัต ซึ่งรุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่ตัวเรือนด้านหลังแบบโปร่งใสจากแซฟไฟร์นั้นจะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของกลไก ตัวเรือนด้านหลังนี้ยังทำให้มองเห็นลูกเหวี่ยงฉลุลายจากทองคำ 18 กะรัต และสะพานจักรที่มาพร้อมการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève สุดพิเศษได้อย่างชัดเจน Cosmograph Daytona ยังมาพร้อมขอบตัวเรือนประดับอัญมณี และหน้าปัดประดับอัญมณี ที่ใช้วิธีฝังอัญมณีแบบงานฝีมือดั้งเดิมอีกด้วย