James Cameron

James Cameron

ผู้สร้างภาพยนตร์และนักสำรวจผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์

ความคิดสร้างสรรค์และความหลงใหลของ James Cameron ที่มีต่อวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมใต้ท้องทะเลลึกได้ตอกย้ำสถานะของเขาทั้งในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ที่เปี่ยมวิสัยทัศน์และนักสำรวจผู้กล้าแกร่ง

วิถีชีวิตของ James Cameron

จินตนาการเป็นขุมพลังที่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นจริงได้ อย่าจำกัดความสามารถของตัวเอง เพราะมีคนอื่นที่คอยจำกัดความสามารถของคุณแล้ว

James Cameron

James Cameron

เปลี่ยนนิยามภาพยนตร์ผ่านการสำรวจ

James Cameron ชื่อของเขานั้นยิ่งใหญ่ในวงการภาพยนตร์ เขาผลักดันขีดจำกัดออกไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเล่าเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ เช่น ไททานิค และอวตาร

ในฐานะนักสำรวจ Cameron ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นคนแรกที่ดำดิ่งลงไปยังจุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรโดยลำพัง การสำรวจใต้น้ำของเขาส่งผลอย่างมากต่อการสร้างภาพยนตร์ของเขา โดยแทรกซึมภาพยนตร์เหล่านั้นด้วยความรู้สึกแห่งการผจญภัยและความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อโลกแห่งธรรมชาติ

จุด CHALLENGER DEEP

ชีวิตแห่งความหลงใหลในการสำรวจและการเล่าเรื่อง

ความหลงใหลในการสำรวจของ Cameron นั้นเริ่มตั้งแต่ในวัยเด็ก เมื่อความลึกลับของมหาสมุทรได้จุดประกายบางอย่าง

ความอยากรู้อยากเห็นนี้กลายเป็นรากฐานของความมุ่งมั่นในอนาคตที่เขามีต่อการสร้างภาพยนตร์และการสำรวจ ความสนใจในทะเลลึกของ Cameron นั้นปรากฏชัดในผลงานชิ้นแรกๆ ของเขาอย่างเรื่องดิ่งขั้วมฤตยู ที่ได้มีการใช้เทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ใต้น้ำอันมีชื่อเสียงโด่งดัง

เส้นทางในการสร้างภาพยนตร์ของเขาเริ่มต้นเมื่อเขาอยู่ในช่วงศึกษาที่วิทยาลัย Cameron ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ของ Stanley Kubrick เรื่อง 2001 จอมจักรวาล ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางต่อในอาชีพวงการภาพยนตร์ ในช่วงแรก เขาทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกขณะที่ศึกษาด้านเทคนิคพิเศษและการกำกับภาพยนตร์ ความสำเร็จของเขามาถึงพร้อมกับภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์เรื่องฅนเหล็ก 2029 (ปี 1984) ซึ่งเขาเป็นผู้เขียนบทและผู้กำกับ ความสำเร็จต่างๆ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่เปี่ยมด้วยพลังอย่างน่าเกรงขามของฮอลลีวูด

James Cameron และนาฬิกาข้อมือ
James Cameron

Cameron กำหนดนิยามใหม่ให้กับภาพยนตร์ประเภทวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์โลดโผนอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างภาพยนตร์อย่างเรื่องเอเลี่ยน (ปี 1986) เรื่องดิ่งขั้วมฤตยู (ปี 1989) และเรื่องฅนเหล็ก 2029 ภาค 2 (ปี 1991) ซึ่งภาพยนตร์แต่ละเรื่องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสมผสานการเล่าเรื่องเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างลงตัว ผลงานระดับตำนานของเขาอย่างไททานิค (ปี 1997) นั้นไม่เพียงแต่กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้มากที่สุดในช่วงเวลานั้น ทว่ายังคว้ารางวัล Academy Awards 11 รายการ รวมถึงรางวัลในสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและรางวัลในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย การสร้างภาพยนตร์เรื่องไททานิคประกอบไปด้วยการสำรวจใต้น้ำอย่างละเอียดเพื่อสำรวจซากจริงของเรือ เป็นเสมือนการเชื่อมความหลงใหลด้านการสร้างภาพยนตร์และด้านมหาสมุทรของ Cameron เข้าด้วยกัน เขาสวม Rolex Submariner เรือนเดียวกันระหว่างที่เขาดำน้ำเพื่อสำรวจซากเรือไททานิค และในตอนที่เขาขึ้นรับรางวัลออสการ์ในสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

James Cameron

ในปี 2009 Cameron ได้ปฏิวัติวงการภาพยนตร์อีกครั้งด้วยอวตาร ซึ่งเป็นภาพยนตร์อันตระการตาที่ได้ปรับใช้เทคโนโลยีสามมิติอันโด่งดังเข้ากับเทคนิคการบันทึกการแสดงขั้นสูง อวตารกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล

สามปีหลังจากนั้น เขาได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการดำน้ำคนเดียวลงไปยังร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา เขาประสบความสำเร็จในการนำทาง DEEPSEA CHALLENGER ยานดำน้ำที่เขาได้มีส่วนร่วมในการออกแบบลงไปยังความลึกที่ 10,908 เมตร (35,787 ฟุต) ซึ่งนำไปสู่การค้นพบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะลงไปยังใต้สมุทรนั้น Cameron ได้เดินทางไปพร้อมกับนาฬิกา Rolex รุ่นทดลอง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกา Deepsea Challenge Deepsea Challenge เปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 สามารถทนต่อแรงดันใต้น้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์ และสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของ Rolex ในด้านประสิทธิภาพการกันน้ำและการแสวงหาความเป็นเลิศ

ปณิธานของ Cameron ในการปกป้องและอนุรักษ์มหาสมุทรปรากฏให้เห็นทั้งในสารคดีและผลงานสร้างสรรค์ของเขา ภาพยนตร์เรื่องอวตาร ภาคที่สอง อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ (2022) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมหาสมุทรที่นำพาความรักในท้องทะเลและสรรพสิ่งมาสู่จอภาพยนตร์ อวตาร: อัคนีและธุลีดิน ภาคที่สามของภาพยนตร์มีกำหนดฉายในปี 2025

James Cameron ดำรงฐานะ Rolex Testimonee ในปี 2012

ดูข้อมูลต่อ